ทำความรู้จัก Radius Server แบบง่าย ๆ
- noppapha
- 30 ส.ค.
- ยาว 1 นาที

เวลาเราพูดถึงการเชื่อมต่อ Wi-Fi ในบริษัท หลายคนอาจคุ้นกับการใส่รหัสผ่านครั้งเดียวแล้วใช้ได้ตลอด แต่ปัญหาคือ…
พนักงานใหม่เข้า → ต้องบอกรหัส
พนักงานลาออก → ต้องเปลี่ยนรหัสทั้งบริษัท
ถ้ารหัสรั่ว → ใครก็เข้ามาใช้ได้
นี่แหละครับคือเหตุผลที่หลายองค์กรหันมาใช้ Radius Server
🔎 Radius Server คืออะไร?
Radius (Remote Authentication Dial-In User Service) ก็คือ “ระบบยามเฝ้าประตู” ของเครือข่าย 🌐แทนที่จะใช้รหัส Wi-Fi กลางแค่ชุดเดียว ทุกคนจะต้องมี “บัญชีของตัวเอง” เพื่อเข้าสู่ระบบ Wi-Fi
Radius Server จะทำ 3 อย่างหลัก ๆ ที่เรียกว่า AAA
Authentication → ตรวจสอบว่าเราเป็นใคร เช่น กรอกรหัสพนักงาน, OTP หรือใช้บัญชี AD/LDAP
Authorization → กำหนดสิทธิ์ว่าเข้าใช้อะไรได้ เช่น พนักงานเข้าได้ทุกระบบ, Guest ใช้ได้แค่ Internet
Authorization→ เก็บบันทึกการใช้งาน เช่น เวลาเข้า–ออก, ระยะเวลาใช้งาน, เว็บไซต์ที่เข้าถึง
⚙️ แล้วมันทำงานยังไง? ใช้ Protocol อะไร?
Radius ใช้ UDP เป็นหลัก (Port 1812 สำหรับ Authen/Author, Port 1813 สำหรับ Accounting) → เพราะ UDP เบา เร็ว เหมาะกับการตรวจสอบผู้ใช้จำนวนมาก (เอาจริงๆ TCP ก็สามารถใช้ได้ แต่นิยมใช้ UDP มากกว่า)
มักใช้คู่กับ EAP (Extensible Authentication Protocol) เพื่อความปลอดภัย เช่น
EAP-TLS (ใช้ Certificate → ปลอดภัยสุด)
PEAP (ใช้ Username/Password + TLS)
พูดง่าย ๆ คือ เวลาเรากด Connect Wi-Fi → Access Point จะส่งคำขอยืนยันตัวตนไปยัง Radius Server → ถ้า “ผ่าน” เราก็ใช้งานได้, ถ้า “ไม่ผ่าน” ก็ถูกปฏิเสธ 🚫
🔒 ทำไมถึงปลอดภัยกว่าการแชร์รหัส Wi-Fi
ไม่ต้องแชร์รหัสกลาง → แต่ละคนมีรหัสของตัวเอง
ปิดสิทธิ์ได้ทันที → ถ้าพนักงานลาออก ก็ตัดสิทธิ์แค่บัญชีนั้น
ทุกการใช้งานมี Log → รองรับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และช่วยตรวจสอบย้อนหลัง
เข้ารหัสการยืนยันตัวตน → ลดโอกาสรหัสหลุดระหว่างส่งข้อมูล
🌍 ทำไมหลายองค์กรถึงนิยมใช้ Radius?
มาตรฐานสากล → ใช้มานานกว่า 20 ปี, เป็นพื้นฐานของ Wi-Fi แบบ Enterprise (802.1X)
รองรับอุปกรณ์เยอะ → ทำงานร่วมกับ Access Point, Firewall, VPN ได้เกือบทุกแบรนด์
ขยายระบบง่าย → จะมีพนักงาน 50 คนหรือ 5,000 คนก็จัดการได้
ปลอดภัยและถูกกฎหมาย → ตอบโจทย์ PDPA + พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
Radius Server ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป 🚀มันคือ “กุญแจสำคัญ” ที่ช่วยให้การใช้งาน Wi-Fi ขององค์กร ปลอดภัยกว่า, จัดการง่ายกว่า, และถูกกฎหมายกว่า การแชร์รหัสผ่านแบบเดิม ๆ
ถ้าองค์กรคุณยังใช้ Wi-Fi ด้วย “รหัสกลาง” อยู่ ลองคิดดูว่า…จะดีกว่าไหมถ้ามีระบบที่ทำให้การเข้าถึงเครือข่ายเป็นเรื่อง ส่วนตัว ปลอดภัย และตรวจสอบได้




ความคิดเห็น